worachat
กระ ฝ้า จุดด่างดำ ต่างกันอย่างไร
Updated: Feb 4, 2019
กระ ฝ้า จุดด่างดำ ถือเป็นปัญหากวนใจของใครหลายคน ถึงแม้จะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับผิวแต่กลับทิ้งรอยที่ต้องใช้ทั้งเวลาและความอดทนในการรักษา และยังสามารถกลับมาเป็นได้ใหม่หากไม่ได้ดูแลรักษาดีๆ

กระ (Freckles)
หลายคนคิดว่ารอยดำขนาดเล็กที่สุดบนใบหน้าและร่างกายว่าเป็น 'กระ' แต่จุดเล็กๆเหล่านั้นไม่ใช่กระไปทั้งหมดถึงแม้ว่าบางครั้งจะมองเห็นเป็นเหมือนกระก็ตาม กระจริงที่พบมากที่สุดคือบนผิวอ่อนเยาว์ของเด็ก กระเป็นขนาดเล็กซีดไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มบริเวณผิวหนังที่มีเส้นขอบไม่ชัดเจนซึ่งเกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไปโดย Melanocytes ซึ่งตอบสนองโดยตรงต่อการสัมผัสกับแสง UV การตอบสนองนี้เกิดขึ้นในที่นี้จะมาจากความแตกต่างจากยีนจำเพาะที่เรียกว่า MC1R ส่วนมากจะพบในคนที่มีผมสีแดง ผิวขาวซีด จะเห็นรอยกระเข้มชัดเจนขึ้นในช่วงฤดูร้อนและมีแนวโน้มที่จะจางลงในช่วงฤดูหนาว
Photo by taylor hernandez on Unsplash
กระนั้นแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้
- กระตื้นนั้นคือจุดสีน้ำตาลขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร ซึ่งกระจายอยู่ทั่วใบหน้าและร่างกายแต่ก็สามารถจางลงเองได้หากคุณหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดกระลึก
- กระลึกเป็นจุดสีน้ำตาลเทา มีขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร เกิดบนชั้นผิวหนังชั้นแท้ซึ่งลึกกว่ากระตื้นกระแดด
- กระแดดมีลักษณะเป็นวงกลมสีน้ำตาลเป็นจุดๆ และเรียบแนบกับผิวซึ่งมักพบมากในผู้สูงอายุกระเนื้อ
- กระเนื้อมีลักษณะเป็นตุ่มเนื้อเล็กๆ สีน้ำตาลไปจนถึงสีดำ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้บนทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ ไปจนถึงลำตัว วิธีรักษานั้นต้องทำโดยเลเซอร์เท่านั้น

ฝ้า (Melasma)
เป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยซึ่งไม่ได้มีมาแต่กำเนิด โดยมีลักษณะเป็นปื้นหรือแผ่นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม พบมากที่สุดบนใบหน้าและพบมากในผู้หญิงถึง 90% โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 30-40 ปี เกิดจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังมีการสร้างเม็ดสี (pigment) มากกว่าปกติพบมากในหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่กินหรือ ฉีดยาคุมกำเนิด แต่ก็อาจพบในผู้ชายและผู้หญิงทั่วไป ผู้ที่ถูกแสงแดดหรือแสงไฟ (แสงอัลตราไวโอเลต) บ่อยอาจมีโอกาสเป็นฝ้าได้ง่าย และเชื่อว่ากรรมพันธุ์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า และถ้าสาเหตุการเกิดฝ้ามาจากกรรมพันธุ์ โอกาสฝ้าจะกลับมาเกิดซ้ำจะมีสูงมากและปริมาณอาจเท่าเดิมหรือลดลงกว่าเดิมเล็กน้อย จึงไม่คุ้มค่ากับการทุ่มเงินรักษาเท่าไร นอกจากนี้ความเครียด สารเคมี (เช่น น้ำมันดิน) น้ำหอม เครื่องสำอาง ก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดฝ้า หรือรอยด่างดำบนใบหน้าได้ ผู้ที่เป็นโรคบางชนิด เช่น เนื้องอกของรังไข่ โรคแอดดิสัน ก็อาจทำให้หน้าเป็นฝ้าดำได้เช่นกัน
ประเภทของฝ้า
ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) ฝ้าชนิดนี้จะเป็นสีน้ำตาล ขอบชัด เกิดขึ้นได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลาไม่นานฝ้าแบบลึก จะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า ความลึกของมันจะทำให้เกิดการแสดงสีออกมาเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือสีน้ำตาลอมม่วง เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก การทายามักให้ผลเพียงแค่ทำให้ดูจางลงเท่านั้น

การป้องกันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
คุณควรเริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงแสงแดด ถ้าหากต้องเผชิญแสงแดดก็ควรแต่งกายแบบไม่เผยผิวพร้อมกับทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวี โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป และต้องเป็นแบบ PA+++ ด้วย ถึงจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าต้องอยู่ภายใต้แสงแดดตลอดทั้งวัน คุณอาจเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงมากกว่านี้ แต่ให้หมั่นทาครีมกันแดดบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าครีมกันแดดยังมีประสิทธิภาพดีพอต่อการป้องกันแสงแดด ส่วนไอร้อนจากเตา รังสีจากหน้าจอคอมพ์ ก็เป็นเหตุทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน
ดูแลตัวเองจากภายใน
นอกจากการทายา ทำทรีตเมนต์ รวมไปถึงการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ในระหว่างการรักษาเราสามารถดูแลตัวเองจากภายในได้โดยการรับประทานทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่เป็นตัวช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ฝ้าขยายตัวใหญ่ขึ้นนั่นเอง Photo by Shifaaz shamoon on Unsplash
